ทัวร์อินเดีย อัสสัม-อรุณาจัลประเทศ–นากาแลนด์-เมฆาลัย
ทัวร์
เอเชีย
ระยะเวลา
12 วัน
สายการบิน
วันเดินทาง
22 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ / 12-23 กุมภาพันธ์ 2562 12-23 มีนาคม / 9-20 เมษายน 2562 ( 12 วัน 11 คืน )
Hilight

นำท่านเยือน 4 รัฐ ของภาคอีสานอินเดีย ประกอบด้วย รัฐอัสสัม รัฐอรุณาจัลประเทศ และ รัฐนากาแลนด์  รัฐเมฆาลัย ภาคอีสานของอินเดียจะมีความแตกต่างทั้งทางด้านภาษา วัฒนธรรม และชนเผ่า จากภาคอื่นๆของประเทศ  เพราะมีประชากรส่วนใหญ่ผิวพรรณคล้ายกับคนเอเซียตะวันออกเฉียงใต้

รัฐอัสสัม  มีราบลุ่มแม่น้ำพรหมบุตร ที่มีต้นกำเนิดมาอย่างยาวนาน ตอนเหนือของรัฐอัสสัมมีเทือกเขาหิมาลัย เป็นรัฐที่อุดมไปด้วยหุบเขาและป่าไม้  มีเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ากาซีรังคาที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลก
รัฐอรุณาจัลประเทศ   คำว่า อรุณาจัล  แปลว่า “ แสงแรกแห่งอาทิตย์อุทัย”  เพราะที่นี่สามารถเห็นพระอาทิตย์ขึ้นก่อนดินแดนอื่นๆในประเทศอินเดีย  และเป็น เพชรแห่งยอดเขาหิมาลัย เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ และเป็นพื้นที่ที่มีหยกขาวอันมีค่าของโลก   และมีเรื่องราวที่น่าสนใจ และค้นหาของชนเผ่าอะปาตานี (Apatani Tribe) ที่ผู้หญิงสักบนใบหน้า และเจาะรูจมูกกว้างเพื่อป้องกันอันตรายต่อตัวเอง

รัฐนาคาแลนด์  “ดินแดนแห่งเทศกาล”  เป็นรัฐเล็กๆตั้งอยู่บนเชิงเขาหิมาลัย  และติดชายแดนประเทศพม่า  มีวัฒนธรรมชนเผ่าที่หลากหลาย  นำท่านร่วมงานเทศกาลนกเงือก ( Hornbill Festival ) ที่ทุกเผ่ามาร่วมฉลองอย่างยิ่งใหญ่
รัฐเมฆาลัย   เป็นรัฐที่มีความสวยงามทางธรรมชาติที่โดดเด่น  มีประวัติศาสตร์และทรัพยากรทางธรรมชาติอันล้ำค่าของรัฐเมฆาลัยมีความเชื่อมโยงกันมายาวนานกว่าหลายศตวรรษ 

แผนการท่องเที่ยว
  • Day 1
    กรุงเทพฯ – กัลกัตตา – ดีมาปูร์ ( Dimapur ) – โคฮิมา
    • 02.45  น.           พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ  เคาน์เตอร์ สายการบิน Air India  ประตูทางเข้าที่ 10  แถว  W 

      เจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการเช็คอินและโหลดกระเป๋า                                                                         

      05.45  น.           เดินทางสู่เมืองกัลกัตตา โดยสายการบิน  Air India เที่ยวบินที่  AI 337

      07.00  น.           เดินทางถึงเมืองกัลกัตตา เพื่อรอต่อเครื่อง

      11.20  น.           เดินสู่เมืองดีมาปูร์ (Dimapur) โดยสายการบิน Air India  เที่ยวบินที่ AI 709

      12.55  น.           จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองโคฮิมา ( Kohima ) ( ระยะทางประมาณ 68 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ  3-4 hrs.)

      เป็นเมืองหลวงของรัฐนาคาแลนด์  เป็น 1 ใน 7 รัฐของภาคอีสานของอินเดีย มีพรมแดนติดกับพม่า

                              คำว่า นาคา มาจากคำว่า NAKA มีความหมายในภาษาพม่า แปลว่า  “ผู้ที่เจาะจมูกซึ่งชาวนาคา จะมีหน้าตาคล้ายบ้านเรา   ชาวนาคาอยู่แยกเป็นชนเผ่า  ได้แก่  สุมิ (Sumi) อาว (Ao) โลธะ (Lotha) แอนกามิ (Angami) ซึ่งแต่ละเผ่าจะมีภาษาพูด และประเพณีที่แตกต่างกัน

      ค่ำ                     รับประทานอาหารค่ำ  อิสระพักผ่อนตามอัธยาศัยที่โรงแรม URA HOTEL – โรงแรมท้องถิ่น (เนื่องจากที่โคฮิมา จะมีแต่โรงแรมท้องถิ่นเท่านั้น และเป็นโรงแรมขนาดเล็ก  และช่วงที่เดินทางอากาศหนาวเย็น  โรงแรมจะไม่มีแอร์ในห้องพัก  แต่จะมีพัดลมในห้องพัก)

  • Day 2
    โคฮิมา (Kohi)
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม

      ชม สุสานสงครามโคฮิมา (Kohima War Cemetary) สร้างขึ้นในปี 1944 เพื่อเป็นอนุสรณ์การเสียชีวิตของทหารกองกำลังพันธมิตรของอังกฤษที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่สองที่โคฮิมา และประวัติศาสตร์อันเก่าแก่เพื่อป้องกันการโจมตีของพม่ากองทัพญี่ปุ่นโจมตีกองทัพอังกฤษที่ประจำการอยู่ที่อินเดียตะวันออกเฉียงเหนือในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2487 

      จากนั้นนำท่านชม หมู่บ้านนาคา เฮอริเทจ ( Naga Heritage Village) หรือที่เรียกว่า Kisama Heritage Village เป็นเพียงหมู่บ้านเดียวใน Nagaland สถานที่แห่งนี้ถูกห้อมล้อมด้วยทัศนียภาพอันน่าทึ่งอันงดงามที่เชิงเขาของเนินเขาที่เขียวชอุ่มตลอดแนวชายแดนของหมู่บ้านแห่งนี้ ล้อมรอบด้วยพฤกษาทุกชนิด หมู่บ้านนาคาเฮอริเทจ อุดมไปด้วยประเพณีและกิจกรรมทางวัฒนธรรม หมู่บ้านแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ การเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้เป็นประสบการณ์หนึ่งเดียวและอาจแตกต่างจากส่วนใดของประเทศ มรดกอันร่ำรวยวัฒนธรรมและประเพณี เมื่อมาเยือนคุณจะเห็นหลังคามุงจากบ้านที่สร้างขึ้นแบบดั้งเดิมผนังไม้และประติมากรรมแกะสลักอย่างประณีต   หมู่บ้านแห่งนี้ประกอบด้วยบ้าน 16 หลังที่ได้รับการออกแบบและสร้างขึ้นในลักษณะที่เป็นสัญลักษณ์ของชุมชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ 

      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน

      บ่าย นำท่านชม Khonoma  Green Village ห่างจากโคฮิมา (เมืองหลวงนากาแลนด์) ประมาณ 20 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านที่มีการอนุรักษ์ธรรมชาติและเป็นหมู่บ้านเชิงนิเวศด้วย  มีการล่าสัตว์และมีการจัดการระบบนิเวศแบบยั่งยืน  เพราะชนเผ่าที่อาศัยอยู่ที่นี่ส่วนใหญ่จะเน้นการอยู่ขึ้นกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และได้ปฎิบัติกันมานากว่าศตวรรษแล้ว เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมของหมู่บ้าน    ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางกลับโคฮิมา

      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ 

      อิสระพักผ่อนตามอัธยาศัยที่โรงแรม URA HOTEL – โรงแรมท้องถิ่น (เนื่องจากที่โคฮิมา จะมีแต่โรงแรมท้องถิ่นเท่านั้น และเป็นโรงแรมขนาดเล็ก  และช่วงที่เดินทางอากาศหนาวเย็น  โรงแรมจะไม่มีแอร์ในห้องพัก  แต่จะมีพัดลมในห้องพัก)


  • Day 3
    โคฮิมา– อุทยานแห่งชาติกาซีรังคา (Kaziranga)
    • เช้าตรู่ รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม

      จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติกาซีรังคา ( Kaziranga ) (ระยะทางประมาณ 237 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ  7 ชั่วโมง)  ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของรัฐอัสสัม  อุทยานแห่งชาตินี้จัดตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1908  เพื่ออนุรักษ์แรดอินเดียนอเดียว ( Greater one-horned Rhina) และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1985  ต่อมาได้มีการขยายพื้นที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้ที่นี่เป็นที่อาศัยทางธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของแรดอินเดียนอเดีย  ซึ่งมีประมาณ 2,400 ตัว ในปี ค.ศ. 2018

      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน

      บ่าย นำท่านนั่งรถจี๊ป เพื่อชมอุทยานแห่งชาติกาซีรังคา (Kaziranga)  และชมสัตว์ภายในอุทยาน  สำหรับอุทยานแห่งชาตินี้ไม่เพียงแต่มีเฉพาะแรดนอเดียว แต่มีทั้ง ควายป่า  กวางบาราซิงห์ (หรือกวางบึง)  เสือโคร่งเบงกอล  เสือดาว แมวป่า เสือปลา  และแมวดาว  กระทิง ช้าง และหมีสล็อธ   เป็นต้น  เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าแห่งนี้ จึงมีทั้งสัตว์ป่า และนกนานาชนิดอาศัยอยู่ที่อุทยานแห่งชาติแห่งนี้

      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ  พักผ่อนตามอัธยาศัยที่โรงแรม IORA THE RETREAT KAZIRANGA – 3* หรือเทียบเท่า

                 

                 

  • Day 4
    อุทยานแห่งชาติกาซีรังคา (Kaziranga) – ซิโร่ (Ziro)
    • เช้า                    รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม

                              จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองซิโร่ (Ziro) (ระยะทางประมาณ 400 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 10-11 ชั่วโมง)

      กลางวัน             รับประทานอาหารกลางวันแบบปิคนิด

      บ่าย                  เดินทางต่อไปยังเมืองซิโร่ ซึ่งอยู่ใน รัฐอรุณาจัลประเทศ ของประเทศอินเดีย  คำว่า อรุณาจัล  แปลว่า แสงแรกแห่งอาทิตย์อุทัย”  เพราะที่นี่สามารถเห็นพระอาทิตย์ขึ้นก่อนดินแดนอื่นๆในประเทศอินเดีย  และเป็น เพชรแห่งยอดเขาหิมาลัย เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ และเป็นพื้นที่ที่มีหยกขาวอันมีค่าของโลก   และมีเรื่องราวที่น่าสนใจ อีกทั้งเป็นรัฐที่มีชนเผ่าอะปาตานี (Apatani Tribe) ที่ผู้หญิงสักบนใบหน้า และเจาะรูจมูกกว้างเพื่อป้องกันอันตรายต่อตัวเอง 

      ค่ำ                     รับประทานอาหารค่ำ  จากนั้นพักผ่อนตามอัธยาศัยที่ BLUE PINE HOTEL - โรงแรมท้องถิ่น (เนื่องจากที่ Ziro เป็นเมืองเล็ก จะมีแต่โรงแรมท้องถิ่นเท่านั้น และเป็นโรงแรมขนาดเล็ก  และช่วงที่เดินทางอากาศหนาวเย็น  โรงแรมจะไม่มีแอร์ในห้องพัก  )

  • Day 5
    ซิโร่ (Ziro)
    • เช้า                    รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม

      ซีโร่ โอมล้อมรอบไปด้วยภูเขาที่เต็มไปด้วยไม้สนเป็นบ้านของชนเผ่า Apatani เป็นเมืองที่ได้รับการชื่นชมจากมรดกโลกเป็นเวลาหลายปี ตั้งอยู่ประมาณ 167 kms จาก Itanagar สายลมที่สดชื่น สวนไม้ไผ่ วิธีการปลูกข้าวแบบดั้งเดิมทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้มาเยือนที่นี่

      จากนั้นชม หมู่บ้านชนเผ่าอะปาตานี (Apatani Tribe) เป็นชนเผ่าที่มีมีผู้หญิงสักบนใบหน้าซี่งรอยสักจะยาวตั้งแต่หน้าผากจนถึงปลายจมูก  และเจาะรูจมูกกว้างเพื่อติดเครื่องประดับกลมๆสีดำ ที่เรียกว่า Yaping Hurlo ไว้ที่ปีกจมูกทั้ง 2 ข้าง  ซึ่งสมัยก่อนหญิงสาวของชนเผ่าอะปาตานี มีหน้าตาสวย  ทำให้เป็นที่หมายปองของผู้ชายต่างเผ่า และมักถูกลักพาตัว  จึงต้องปกป้องตัวเองโดยการสักบนใบหน้า และเจาะรูจมูกกว้างเพื่อใส่เครื่องประดับกลมสีดำ

       กลางวัน             รับประทานอาหารกลางวัน

      บ่าย                   จากนั้นชมวิถีชีวิตของชนเผ่าอะปาตานี  ชมระบบการเพาะปลูกข้าว และการเลี้ยงปลา แบบชนเผ่าอะปาตานี   ซึ่งชนเผ่าอะปาตานีแห่งนี้  ยังได้รับความชื่นชมในเรื่องการทำเกษตรกรรมดีเด่นโดยไม่ต้องใช้แรงงานสัตว์หรือเครื่องจักรใด ๆ และอาชีพเกษตรกรนาข้าวยังคงเป็นรายได้หลักของชนเผ่านี้อยู่จนถึงทุกวันนี้

      ค่ำ                     รับประทานอาหารค่ำ  จากนั้นพักผ่อนตามอัธยาศัยที่ BLUE PINE HOTEL - โรงแรมท้องถิ่น (เนื่องจากที่ Ziro เป็นเมืองเล็ก จะมีแต่โรงแรมท้องถิ่นเท่านั้น และเป็นโรงแรมขนาดเล็ก  และช่วงที่เดินทางอากาศหนาวเย็น  โรงแรมจะไม่มีแอร์ในห้องพัก  

  • Day 6
    ซิโร่ (Ziro) - โซนิทปูร์ ( Sonitpur)
    • เช้า                    รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม

                              จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ โซนิทปูร์ ( Sonitpur) ระยะทางประมาณ 220 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 8-9 ชั่วโมง

      กลางวัน             รับประทานอาหารกลางวัน

       บ่าย                  เดินทางต่อไปยัง โซนิทปูร์ ( Sonitpur)

      ค่ำ                     รับประทานอาหารค่ำ  จากนั้นพักผ่อนตามอัธยาศัยที่ WILD MASHEER HOTEL – 3* หรือเทียบเท่า

  • Day 7
    โซนิทปูร์ ( Sonitpur) - เตซปูร์ (Tezpur) – ดิรัง (Dirang)
    • เช้า                    รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม

      จากนั้นนำท่านเดินสู่เมืองเตซปูร์ (Tezpur) ( ระยะ 9 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที) เป็นเมืองที่เข้าสู่ในรัฐอรุณาจัลประเทศ ซึ่งมีแม่น้ำลำธารสายโบราณหลายสายเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่  อรุณาจัลประเทศมีอาณาเขตติดต่อกับประเทศจีน (ทิเบต)  ติดประเทศพม่าทางตะวันออก และประเทศภูฏานทางตะวันตก พื้นดินอันอุดมสมบูรณ์ของรัฐได้รับการหล่อเลี้ยงจากแม่น้ำสายหลัก 5 สาย ซึ่งสายสำคัญคือ แม่น้ำเซียง หรือแม่น้ำพรหมบุตรแห่งรัฐอัสสัม   รัฐอรุณาจัลประเทศมีความงามและเสน่ห์ดั่งมีเวทมนต์ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสความงดงามทางธรรมชาติ  วัฒนธรรมของชนเผ่า

      จากนั้นนำท่านชม  Agnigarh ตั้งอยู่ในเมืองเตซปูร์  ตามตำนานเล่ากันว่า ท้าวพาณาสูร ซึ่งเป็นสาวกของพระศิวะ เคยใช้แขนทั้ง 1,000 แขนเล่นกองระหว่างที่พระศิวะแกว่งกลองตาณฑวะ    พระศิวะจึงให้พรเพื่อปกป้องแด่ท้าวพาณาสูร

      เมื่อเวลาผ่านไปท้าวพาณาสูรจึงเป็นผู้มีอำนาจมาก  จึงถูกอำนาจบังตาให้มีจิตใจที่โหดร้าย จึงให้นางอุษา ซึ่งเป็นลูกสาว และจิตรเลขาไปอยู่ในป้อมปราการแห่งนี้ที่ล้อมรอบด้วยกองไฟอยู่ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ใครเข้าหรืออกโดยไม่ได้รับอนุญาต  วันหนึ่งนางอุษาฝันถึงอนิรุทธ์  เมื่อตื่นขึ้นมานางอุษาจึงให้จิตรเลขาวาดรูปชายในฝันแล้วถามว่าชายในฝันคือใคร   จิตรเลขาจึงตอบไปว่าคือ อนิรุทธ์ เป็นหลานของพระกฤษณะ จากนั้นจึงได้หาทางให้อนิรุทธ์และนางอุษาได้พบกัน

      จึงทำให้ท้าวพาณาสูรโกรธ และจับตัวอนิรุทธ์ไว้    จึงทำให้พระกฤษณะ บุกไปช่วยอนิรุทธิ์     จากนั้นท้าวพาณาสูรจึงขอให้พระศิวะ มาช่วยตนและได้ต่อสู้กัน  เมื่อพระศิวะกับพระกฤษณะยิงศรใส่กันและกัน ศรก็ได้กลายเป็นพวงมาลัยคล้องทั้งคู่   เมื่อพระกฤษณะจะใช้จักรสุทรรศน์ทำร้ายท้าวพาณาสูร  พระศิวะได้หยุดจักรไว้ แต่พระศิวะทรงทราบว่าพระกฤษณะไม่ได้เมื่อเจตนาสังหารท้าวพาณาสูร  จึงปล่อยให้จักรสุทรรศน์ไปตัดแขนของท้าวพาณจนเหลือแค่4แขน ทำให้พลังอำนาจของท้าวพาณาสูรลดลง   พระกฤษณะทรงเคารพในพรของพระศิวะ จึงให้สัญญาว่าท้าวพาณาสูรยังคงไม่ต้องกลัวว่าจะถูกใครมาทำร้ายตนเองได้ ท้าวพาณาสูรจึงกราบพระกฤษณะด้วยความซาบซึ้งใจ และยกนางอุษาให้เป็นชายาของอนิรุทธิ์   จากนั้นนำท่านชม Mahabhairab temple  เป็นวัดที่มีชื่อของเมืองเตซปูร์

      หากมีเวลาเหลือพออิสระให้ท่านได้เดินช้อปปิ้งในตลาดท้องถิ่น

      กลางวัน             รับประทานอาหารกลางวัน

      บ่าย                  นำท่านเดินทางสู่เมืองดิรัง ( Dirang ) (ระยะทางประมาณ 196 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมง)

      ค่ำ                     รับประทานอาหารค่ำ  อิสระพักผ่อนตามอัธยาศัยที่ NORPHEAL RETREAT - 4* หรือเทียบเท่า

       

  • Day 8
    ดิรัง (Dirang) – ตาวัง ( Tawang )
    • เช้า                    รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม

      นำท่านเดินทางสู่เมืองตาวัง (Twang) ( ระยะทาง 130 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมง)  ระหว่างพาท่านแวะชมหมู่บ้าน Thembang Village ตั้งอยู่ที่ความสูง 2,300 เมตร มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม หมู่บ้านแห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยความงามตระหง่านของภูเขาสีเขียวขจี หุบเขาชัน และยอดเขาปกคลุมด้วยหิมะ มีแม่น้ำ Dirang ไหลลงสู่หุบเขาวิ่งตามแนวตะวันตกของหุบเขาThembang  ที่นี่เป็นหมู่บ้านโบรา  ณ ในยุคกลางเคยเป็นศูนย์กลางการปกครองโดยผู้ทรงอำนาจ Bembu Thembang ซึ่งเป็นทายาทสายตรงของกษัตริย์แห่งทิเบต ที่นี่เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคนี้

      กลางวัน             รับประทานอาหารกลางวัน
      บ่าย                  นำท่านเดินทางต่อสู่เมืองตาวัง (Tawang) ตั้งอยู่ทางตะวันตกของรัฐอรุณาจัลประเทศ   เชื่อกันว่าชื่อเมืองนี้ได้มาจาก
      ชื่อของวัดใหญ่ Tawang  เป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาและเป็นที่ที่มีอารามนับศตวรรษ  อีกทั้งโอมรอบไปด้วยเทือกเขา ทะเลสาบ และน้ำตกธรรมชาติอันสวยงาม 

      ค่ำ                     รับประทานอาหารค่ำ  จากนั้นพักผ่อนตามอัธยาศัย YANGZOM HOTEL – 3* หรือเทียบเท่า
  • Day 9
    ตาวัง ( Tawang )
    • เช้า                    รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม

      นำท่านชม วัดตาวัง (Tawang Monastery) ตั้งอยุู่บนยอดเขาดูยิ่งใหญ่อลังการ ถือเป็นอารามในพุทธศาสนาแบบทิเบตที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สร้างขึ้นโดย ท่านเมเรก์ ลามะ โลเช จัมโช  ในปีค.ศ. 1680 ตามโองการขององค์ดาไลลามะที่ 5 เมื่อครั้งที่ดาไลลามะองค์ที่ 14 ลี้ภัยมายังอินเดีย ท่านก็หยุดพักที่วัดตาวังแห่งนี้ด้วย วัดนี้จึงสังกัดนิกายเกลุก หรือนิกายหมวกเหลืองเช่นเดียวกับองค์ดาไลลามะ และ ปัจจุบันวัดตาวังมีพระประจำอยู่ราว 400 รูป ภายในวิหารหลักมีพุทธปฏิมาสูง 5.5 เมตร สร้างขึ้นระหว่างปีค.ศ. 1860-61 นอกจากนี้ยังเป็นที่เก็บรักษาคัมภีร์โบราณมากมาย 
      จากนั้นชม Brama Dung Chung Ani Gompa  ที่วัดแม่ชีที่เก่าแก่ที่สุดในเขต Tawang ของรัฐอรุณาจัลประเทศ วัดตั้งอยู่บนผาลาดของเทือกเขา ที่ปกคลุมไปด้วยความงามธรรมชาติ  ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1595 โดย Karchen Yeshi Gelek Lama จากจังหวัด Tsang จังหวัดทิเบต 
      นำท่านชม Urgeling Monastery  ตั้งอยู่ห่างจากเมืองตาวัง ประมาณ 3 กิโลเมตร สถานที่แห่งนี้เชื่อกันว่าเป็นสถานที่เกิดของสมเด็จพระเจ้าดาไลลามะที่ 6 Tsangyang Tashi สมเด็จพระเจ้าดาไลลามะที่ 6 ซึ่งเกิดเมื่อปี พ.ศ. 2426 เป็นบุตรของลามะทาชิโทนิน ลามะทาชิ Tenzin อาศัยอยู่ใน Urgelling Village และเป็นลูกหลานของ Terton Pempalingpa

      กลางวัน             รับประทานอาหารกลางวัน

      บ่าย                  นำท่านชม อนุสาวรีย์สงคราม ( War Memorial ) สร้างเพื่ออุทิศให้กับวีรบุรุษสงคราม (ทหารของกองทัพอินเดีย) แห่งสงครามชิโน - อินเดียที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1962 หรือที่เรียกว่า Namgyal Chorten โครงสร้างคล้ายกับ การออกแบบของเจดีย์ขนาดใหญ่ มองเห็นหุบเขา Tawang-Chu อนุสาวรีย์นี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงการเสียสละของทหารอินเดีย อนุสาวรีย์นี้ตั้งอยู่บนผาลาด ที่นี่ชื่อของทหาร (บนแผ่นหินแกรนิต) จำนวน 2420 คนเสียสละชีวิตในช่วงสงครามที่ Kameng    จากนั้นนำท่านชมทะเลสาบ Sangetsar Lake และ Ptso Lake เป็นทะเลสาบในตาวังที่โอนล้อมด้วยธรรมชาติอันสวยงาม

      ค่ำ                     รับประทานอาหารค่ำ จากนั้นพักผ่อนตามอัธยาศัย YANGZOM HOTEL – 3* หรือเทียบเท่า
  • Day 10
    ตาวัง (Tawang ) - บอมบิลา (BOMBILA)
    • เช้า                    รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม

      จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองบอมบิลา (Bombila)  (ระยะทางประมาณ 172 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ  6-7 ชั่วโมง )เป็นสถานที่ที่มีทัศนียภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจของเทือกเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ กล้วยไม้ป่าและทิวทัศน์ของเทือกเขาหิมาลัย  อดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรแห่งทิเบตในยุคกลาง โดยมีผู้ปกครองเผ่าท้องถิ่นและผู้ปกครองจากภูฏาน    ซึ่งในสมัยนั้นผู้ปกครอง Aham ของรัฐอัสสัมมิได้เข้าไปแทรกแซงกับชนเผ่าท้องถิ่นยกเว้นการลงโทษตอบโต้ในดินแดนของชนเผ่า หลังจากอังกฤษประกาศพื้นที่แห่งนี้ในฐานะรัฐธรรมนูญในกรุงอรุณาจัลประเทศในปี 1873 ทำพื้นที่นี้ยังคงเป็นสาเหตุของความไม่ลงรอยกันระหว่างอินเดียและจีน ตั้งแต่อินเดียได้รับอิสรภาพในปีพ. ศ. 2490 ประเทศจีนบุกเข้ามาในพื้นที่รอบ Bomdila ในปีพ. ศ. 2505 แต่ภายหลังได้ถอนกองกำลังออกไปจากพื้นที่.

      กลางวัน             รับประทานอาหารกลางวัน

      บ่าย                   นำท่านชม  Bomdila Monastery  หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม Gentse Gaden Rabgyel Lling อารามวัด Bomdila ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1965 โดยชาติที่สิบสองของ TsonaGontse Rinpoche TsonaGontseRinponche ได้รับการบูรณะอารามใหม่ด้วยการสร้างห้องสวดมนต์ขนาดใหญ่ขึ้น  นอกเหนือจากความสำคัญทางศาสนาแล้วอารามยังเป็นที่รู้จักในเรื่องความงามตามธรรมชาติ ทัศนียภาพอันสวยงาม
      ค่ำ                     รับประทานอาหารค่ำ  จากนั้นพักผ่อนตามอัธยาศัย TSEPAL YANGJOM HOTEL – 3* หรือเทียบเท่า
  • Day 11
    บอมบิลา ( Bombila ) – กูวาฮาติ (Guwahati)
    • เช้า                    รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม

                              จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองกูวาฮาติ (Guwahati) (ระยะทาง 280 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 9-10ชั่วโมง)  อยู่ในรัฐอัสสัมมีที่ราบลุ่มแม่น้ำพรหมบุตร ที่มีต้นกำเนิดมาอย่างยาวนาน ทางตอนเหนือของรัฐมีเทือกเขาหิมาลัย และมีอาณาเขตติดกับรัฐเมฆาลัยทางตอนใต้  อุดมไปด้วยหุบเขาและป่าไม้  รัฐอัสสัมจึงเป็นผู้ผลิตไม้รายใหญ่ที่สุดรัฐหนึ่งในอินเดีย  ยอดการผลิตชากว่าครึ่งหนึ่งของประเทศมาจากรัฐอัสสัม

      กลางวัน             รับประทาอาหารกลางวัน

      บ่าย                  เดินทางต่อไปยังเมืองกูวาฮาติ

      ค่ำ                     รับประทานอาหารค่ำ  จากนั้นพักผ่อนตามอัธยาศัย  RADISSON BLU HOTEL – 5* หรือเทียบเท่า

  • Day 12
    กัลกัตตา – กรุงเทพฯ
    • เช้า                    รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม

      11.40 น.            เดินทางสู่เมืองกัลกัตตา โดยสายการบิน Air India  เที่ยวบินที่ AI 730

      13.00 น.            เดินทางถึงเมืองกัลกัตตา  เพื่อรอเปลี่ยนเครื่องกลับกรุงเทพฯ

      15.30 น.            เดินทางสู่กรุงเทพฯ  โดยสายการบิน Air India  เที่ยวบินที่ AI 336

      20.05 น.            เดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ ด้วยความประทับใจ

Top